#สีผึ้งพะยองคำ (รุ่น.2)
หนึ่งในสีผึ้งระดับตำนาน ถูกขึ้นแท่นให้เป็นนวดมหาเสน่ห์ที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งแดนเหนือ หลังจากรุ่นแรกหมดไป พระอาจารย์โอจึงกลั้นใจนำสีผึ้งพะยองคำจากตลับส่วนตัวของท่านซึ่งมีอยู่ไม่มาก มาแบ่งให้ผู้ศรัทธาที่ต้องการสัมผัสพุทธคุณ หรือนักสะสมสีผึ้งตัวจริง ได้มีโอกาสบูชาสีผึ้งพะยองคำของครูบาวัดไม้ฮุง ที่เป็นของแท้ต้นตำหรับดั้งเดิม
สำหรับรุ่น.2นี้ พระอาจารย์โอท่านได้นำอัญมณีมีค่า อาทิเช่น พลอยกินบ่เซี่ยง, แก้วนพรัตน์, เทอร์ควอยซ์, ลาพิสลาซูลี, พลอยรัตนชาติ, อเมทิสต์, โคลอน, ไฟร์อาเกต, ทรายอินเดีย, เพชรดำ, เหล็กไหลนานาชนิด และสารพัดหินมงคล ที่ผ่านพิธีมานับไม่ถ้วน มาโปรยประดับบนสีผึ้ง เป็นเคล็ดลับการบูชาสีผึ้งพะยองคำที่จะทำให้สีผึ้งแรงยิ่งขึ้น
พระอาจารย์โอได้สีผึ้งพะยองคำ ของครูบาวัดไม้ฮุงชุดเก่าเก็บนี้ มาจากลูกชายของคหบดีผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงท่านหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม เป็นสีผึ้งพะยองคำแท้ๆที่มีที่มาที่ไปและมีพลานุภาพที่รุนแรงชัดเจน โดยผ่านการการันตีจากพระอาจารย์โอแล้วว่าเป็นของแรงจริง ของแท้จริง
ท่านได้นำสีผึ้งพะยองคำที่ได้มาแบ่งใส่ตลับเงินแท้รูปหัวใจ โดยไม่ได้ผสมสิ่งใดให้เจือจางน้อยลง มีจำนวนทั้งสิ้น 57 ตลับเท่านั้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจอยากได้ของแท้ๆได้มีโอกาสนำไปใช้บูชา
ความเข้มขลังมหัศจรรย์ของสีผึ้งพะยองคำนี้ยากจะพรรณนา เอาเป็นว่าแม้แต่เจ้ากรมสีผึ้งแห่งยุคนี้อย่างพระอาจารย์โอยังให้การยอมรับนับถือว่าเหมาะสมแล้วจริงๆที่สีผึ้งพะยองคำของครูบาท่าน ได้รับการขนานนามให้เป็นสุดยอดสีผึ้งในตำนานอันดับหนึ่งของประเทศ!!
❤️‍🔥#ด้านในตลับเพิ่มของพิเศษดังนี้:
1.ตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อ (เนื้อเงินอาถรรพ์)
-มีพลานุภาพโดดเด่นเรื่องโชคลาภ เงินทอง โภคทรัพย์ และเมตตามหาเสน่ห์อย่างเอกอุ
2.มุกเงิน
-ใส่ไว้เพื่อเรียกเงินเรียกทองโชคลาภวาสนา เพราะวิชาเสน่ห์บางวิชาอาจจะมีอาถรรพ์ในทางขัดลาภ การเอามุกเงินฝังไว้แบบนี้ จึงเป็นเคล็ดในการแก้อาถรรพ์แบบหนึ่งที่้มีประสิทธิภาพชะงัดนัก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมุกเงินแบบนี้ว่า สมัยหนึ่งจักรพรรดินีบูเช็กเทียน ได้นำ มุกเงิน และมุกทอง ถวายเป็นเครื่องสักการะบูชาแด่ "พระแม่แห่งโชคลาภ" องค์หนึ่ง ด้วยความเคารพศรัทธาและเชื่อมั่นตลอดชั่วชีวิตของพระนาง เชื่อกันว่าด้วยเหตุนี้เองพระนางจึงได้ก้าวขึ้นเป็นจักรรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองที่สุดในแผ่นดินมังกร
3.มุกเสก
-มีคุณเทวดารักษา อธิษฐานขอความสำเร็จและคุ้มครองจากภูติผีปีศาจ
#คุณวิเศษของสีผึ้งพะยองคำ:
สีผึ้งพะยองคำของท่านครูบานั้น มีอิทธิคุณอันวิเศษที่เล่าขานกันมานาน แม้องค์ท่านจะมรณภาพไปนานร่วม 60 ปีแล้วก็ตาม ก็หาได้ทำให้อิทธิคุณสีผึ้งพะยองคำนั้นเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาก็หาไม่ แต่กลับทรงอิทธิคุณมีอานุภาพคงเดิม อำนวยโสตถิผลแก่ผู้บูชา ผู้ศรัทธาเลื่อมใสอย่างน่าอัศจรรย์ สีผึ้งพะยองคำของครูบาท่านนั้นส่วนมาก จะโดดเด่นอยู่ 2 ทางเป็นหลัก
1. อำนวยผลด้านโชคลาภ วาสนา บารมี แก่ผู้บูชา ร่ำรวยเงินทอง ค้าขายดี
2. ด้านมหาเสน่ห์อย่างสุดยอด เป็นที่ต้องการแก่ผู้ชายนิสัยเจ้าชู้ ชนิดขายที่นาไปบูชากันเลย สมัยเมื่อ 70 ปีก่อนสีผึ้งท่านดังมาก ผู้หญิงสวยคนไหนหนีตามผู้ชายไป หรือ ผู้ชายหลงผู้หญิงอย่างหัวปักหัวปำ เป็นต้องกล่าวโทษโจษจันกันว่า "โดนฤทธิ์สีผึ้งครูบาวัดไม้ฮุงเป็นแน่แท้" ปัจจุบันสีผึ้งพะยองคำนี้หายากเป็นอย่างมาก
ปล.มีเคล็ดลับพิเศษมอบให้สำหรับผู้บูชาเท่านั้น โดยให้เลือกว่าจะเน้นไปทาง "โชคลาภ" หรือ "มหาเสน่ห์"
#ประวัติความเป็นมาของสีผึ้งพะยองคำครูบาวัดไม้ฮุง (ครูบาติสหวุ่นนะ)
9 เครื่องรางมงคลแห่งล้านนา ประกอบไปด้วย:
"ผ้าม้าวัดบ้านเหล่า ตะกรุดหนังวัดวังมุย
เก้ากุ่มนั่นวัดบ้านเด่น ส่วนกุมารวัดป่าสัก
ลูกอมวัดปากกองฤทธ์เหลือร้ายขับไล่ผี
ถ้าวัวขลังวัดวังหงษ์ กะลาอันดับหนึ่งทุ่งม้านใต้หาใดปาน
ปรอทดีวัดบรรพตสถิต พะยองคำผีหุงวัดไม้ฮุง
เก้าสิ่งล้วนมงคล คนล้านนาหาติดตัว
ข่ามคง เมตตา ทั้งเสน่ห์ รอดพ้นจากภัย"
"สีผึ้งพะยองคำ" ครูบาวัดไม้ฮุง (ครูบาติสหวุ่นนะ) เครื่องรางบันดาลโชคลาภ บารมี ที่เลื่องลือในหมู่นักแสวงโชค คหบดี พ่อค้า ตลอดถึงคนทุกชนชั้น เพราะว่าหากบุคคลใดได้มาไว้บูชาจะเจริญด้วยโภคทรัพย์ ร่ำรวย ลาภยศ เงินทองนานาประการณ์ด้วยอิทธิคุณแห่ง "สีผึ้งพะยองคำ" ของครูวัดไม้ฮุงนั่นเอง
เล่ากันว่าสีผึ้งของครูบาท่านได้สร้างขึ้นนั้นมีกรรมวิธีที่ลึกล้ำพิศดารและวิชาอาคมบวกกับพลังจิตที่แกร่งกล้าของท่าน จึงทำให้สีผึ้งนี้มีอิทธิคุณวิเศษมากมายเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้นำไปใช้จนกลายเป็นยอดปราถนาของทุกคน
เล่ากันว่าสีผึ้งพะยองคำที่ท่านได้สร้างขึ้นนั้นมีกรรมวิธีในการทำลึกลับพิสดารมากดังได้รับฟังเรื่องราวเล่ามุกขปาฐะ จากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยได้ทานเห็นและเป็นลูกศิษย์ในองค์ท่านได้เล่าไว้ว่าสีผึ้งท่านนั้นเพิ่มขึ้นด้วยขี้ผึ้งอาถรรย์และยาสำคัญ 6 ชนิดที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงมากจนคิดว่าในสมัยปัจจุบันคงไม่มีใครมีความอดทนถึงเพียงนั้นเลยเชียว และว่านสำคัญชนิดต่างๆที่ท่านได้ปลูกไว้เป็นสวนว่านยา สำคัญชนิดที่ต้องมีคนเฝ้าไม่ให้ใครเข้าไปกันเลยทีเดียว
"พะยองคำ" ของท่านนั้นมีกรรมวิธีการสร้างกว่าจะสำเร็จต้องอาศัยสถานที่ถึงสามที่ หุงกันถึงสามครั้งเลยทีเดียว เมื่อแรกเริ่มท่านทำพิธีหุงต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถ นัยว่า เป็นสถานที่ทำสังฆกรรมและเป็นสถานที่เกิดใหม่ของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจนสำเร็จหนึ่งครั้ง
จากนั้นนำไปหุงตรงทางสามแพร่ง นัยว่าเป็นสถานที่คนมารวมตัวกัน เจอกัน พูดคุยหัวเราะกัน เป็นสถานที่นัดพบ หุงจนมีคนมาถามว่า "ครูบาทำอะไร" ท่านจะตอบว่า "ทำยาวิเศษโอสถทิพย์" ที่บันดาลให้คนที่นับถือบูชามีความร่ำรวย เป็นมหาเสน่ห์อย่างยิ่ง จึงจะสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
พิธีสุดท้ายที่ท่านทำพิธีคือการปลูกผีจากหลุมขึ้นมาหุงสีผึ้ง(ยุคสมัยนั้นนิยมฝังศพเป็นส่วนมาก) คือท่านให้ลูกศิษย์ท่านสืบเสาะฟังข่าวว่ามีผู้หญิงตายท้องกลม ที่เป็นลูกหัวสาวผู้ชาย(ลูกคนแรกผู้ชาย)ฝั่งไว้ในป่าช้าไหนบ้างเมื่อทราบแล้ว ท่านก็จะไปทำพิธีเซ่นสรวง บัดพลี แล้วให้ลูกศิษย์ท่านขุดนำศพผีตายท้องกลมนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าใหม่ให้พร้อมทั้งผัดหน้าทาแป้งให้ศพนั้นแล้วให้ลูกศิษย์ท่านผู้เป็นชายพรหมจรรย์มีหน้าตาหล่อเหลาดูดีมีอายุไม่เกิน 20 ปีเข้าไปโอบกอดศพจาก ข้างหลังแล้วนำขันสัมริดที่บรรจุสีผึ้งนั้นวางบนมือผีนั้นโดยมีมือของผู้ชายคนนั้นซ้อนอยู่อีกข้างก็ให้ถือไม้คนสีผึ้งโดยมีมือของผู้ชายนั้นซ้อนอยู่เช่นกัน
เมื่อเริ่มพิธีก็ให้ชายนั้นประคองมือศพนั้นคนสีผึ้งโดยมีท่านครูบายืนบริกรรมคาถาอยู่ข้างๆ สักพักก็ให้ชายคนนั้นปล่อยมือจากศพผี ตายท้องกลมนั้นปล่อยให้ผีนั้นคนสีผึ้งเองอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อผีนั้นคนสีผึ้งไปพลางก็จะยกขึ้นพลาง นัยว่าจะซดสีผึ้งนั้นซึ่งเชื่อว่าเป็นยาโอสถทิพย์สุดวิเศษซึ่งถ้าผีนั้นซดสีผึ้งนั้นได้ก็จะกลายเป็นผีดิบอัมตะยากแก่การปราบปราม เมื่อผีนั้นยกขึ้นจนใกล้ปากที่สุดก็จะแย่งเอาขันสีผึ้งจากมือถือนั้นแล้วก็สะกดให้กลับลงไปนอนในโลงอย่างเดิม เป็นอันเสร็จพิธีการสร้างสีผึ้งพะยองคำอันวิเศษสุดตามกรรมวิธีของท่าน
เป็นที่กล่าวขานกันมากในคุณวิเศษของสีผึ้งครูติสหวุ่นนะ ท่านเป็นครูบายุค 2470-2490กว่าๆ ครูบาท่านเก่งเรื่องว่านยาเสน่ห์และสีผึ้งมาก หากเทียบคุณวิเศษของสีผึ้งครูบาวัดไม้ฮุงก็เทียบได้กับสีผึ้งหลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้งเลยก็ว่าได้ เพราะสมัยนั้นใครอยากได้สีผึ้งท่านต้องเอาปลายเข็มงัดเอาแลกกับเงิน 1 แถบ (ค่าเงินในสมัยนั้น). หากอยากได้เท่าปลายก้อยให้หาตลับเงินหรือทองไปใส่เอาและต้องจ่ายเงินอีก 5 แถบ ซึ้งถือว่าราคาสูงมาก ดังนั้นสีผึ้งของครูบาท่านจึงตกไปอยู่ในมีคหบดีในสมัยนั้นเป็นส่วนมาก